ในปัจจุบัน การปลูกผักสวนครัวได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจาก ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น และราคาผักในท้องตลาดเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ทำให้หลายคนหันมาปลูกผักสวนครัวไว้กินเองที่บ้าน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และตกแต่งบ้านให้สวยงาม ทั้งยังช่วยให้สุขภาพของสมาชิกในบ้านแข็งแรงขึ้น เพราะผักที่ปลูกกินเองนั้น สะอาด และปลอดสารเคมีอย่างแท้จริง
หากใครที่มีพื้นที่เหลือ และยังไม่แน่ใจว่าจะต่อเติมบ้านอย่างไรดี ในบทความนี้ D-Lite จะพาเจ้าของบ้านทุกคนเรียนรู้ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ควรรู้ ก่อนลงมือปลูกผักสวนครัวในบ้าน รวมถึงศึกษาเทคนิคเลือกหลังคาโพลีคาร์บอเนต เพื่อให้ผักเจริญเติบโตได้ดี หากพร้อมแล้ว เราไปดูกันได้เลย

แชร์ 5 ข้อควรรู้ก่อนปลูกผักสวนครัว ที่เจ้าของบ้านต้องรู้
ก่อนติดตั้งหลังคาโพลีคาร์บอเนต สำหรับมุมปลูกพืช เทคนิคการปลูกผักสวนครัว ไม่ว่าจะเป็น พืชผักสวนครัว ผักสลัด หรือผักไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) นั้นมีข้อดีมากกว่าที่คิด เพราะนอกจากการได้ผักที่สดใหม่ และไร้สารพิษมารับประทานแล้ว ก็ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อผัก และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านอีกด้วย แต่ก่อนที่จะเริ่มลงมือปลูกผักสวนครัว D-Lite ได้รวบรวมข้อควรรู้ ก่อนปลูกผักสวนครัวมาไว้ให้แล้ว ดังนี้
- เลือกขนาดแปลงปลูกผักที่เหมาะสม
สิ่งที่ต้องคำนึงเป็นอันดับแรก คือ การเลือกขนาดแปลง หรือพื้นที่ในบ้าน เพื่อปลูกผักสวนครัว เช่น หากอาศัยอยู่ในบ้านทาวน์โฮม ควรทำแปลงผักที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป โดยขนาดของแปลงปลูกผักสวนครัวที่แนะนำ คือ 16 x 10 ฟุต เพื่อให้บรรยากาศในบ้านดูปลอดโปร่ง และไม่รกจนเกินไป ทั้งยังมั่นใจได้ว่าผักที่ปลูกออกมา จะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง
- ตำแหน่งปลูกผัก ต้องมีแสงแดดเพียงพอ
สิ่งต่อมาที่ควรคำนึง คือ ตำแหน่งของแปลงปลูกผัก โดยแนะนำให้เลือกปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดด เนื่องจาก ผักสวนครัวส่วนใหญ่ ต้องการแสงแดดในการเจริญเติบโตมากถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับตำแหน่งปลูกผักสวนครัวที่เหมาะสม ได้แก่ บริเวณทิศเหนือ หรือทิศใต้ของบ้าน ซึ่งเป็นทิศที่มีแสงแดดส่องผ่านตลอดทั้งวัน
- เลือกประเภทผักที่ต้องการปลูก
โดยปกติแล้ว แต่ละบ้านมักจะเลือกปลูกผักหลากชนิดไว้ในแปลงเดียว เพื่อประหยัดพื้นที่ รวมถึงลดปัญหาโรค และแมลงรบกวน โดยส่วนใหญ่แล้วในหนึ่งแปลง จะนิยมปลูกผักอายุหลายปีเป็นโครง เช่น โรสแมรี่ มินต์ กะเพรา พริก และผักแพรว พร้อมกับปลูกผักล้มลุกแทรกลงไป เช่น กวางตุ้ง ผักกาด และผักสลัด หรือเลือกปลูกผักล้มลุกทั้งหมดในหนึ่งแปลง
นอกจากนี้ ควรเว้นระยะห่างระหว่างต้น เพื่อให้ผักเจริญเติบโตได้เต็มที่ เช่น ผักกินหน่อควรปลูกห่างกัน 20 เซนติเมตร ส่วนผักกินใบควรปลูกห่างกันตั้งแต่ 20 – 50 เซนติเมตร ในขณะที่ผักกินผล ควรปลูกห่างกัน 100 เซนติเมตร และผักกินหัวควรปลูกห่างกันประมาณ 20 – 75 เซนติเมตร เป็นต้น
- ทำรั้วป้องกันสัตว์เลี้ยง
สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง หรือบริเวณรอบบ้าน มักจะมีสัตว์เลี้ยงออกมาเดินเล่น ควรทำรั้วป้องกันรอบแปลงผัก เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงเข้าไปทำลาย หรือขับถ่ายบริเวณแปลงผักสวนครัว ทั้งยังช่วยเนรมิตโซนปลูกผักให้ออกมาสวยงาม และดูเป็นระเบียบยิ่งขึ้น
- เตรียมดิน และปุ๋ยให้เรียบร้อย
การเตรียมดินสำหรับปลูกผัก เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านทุกคนควรทำความเข้าใจ และศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนเริ่มปลูกผัก โดยดินที่นำมาปลูก ต้องมีความร่วนซุย น้ำผ่านได้ดี และไม่เหนียว ผักจึงจะเจริญเติบโตได้ดี
ทั้งนี้ ควรพิจารณาก่อนว่าผักที่นำมาปลูก เหมาะกับดินลักษณะไหน จากนั้นค่อยทำการขุดหลุมตามขนาดของพืช และขุดให้ลึกตามความยาวของรากก้าว เมื่อขุดดินแล้วให้ตากดินทิ้งไว้ที่ปากหลุม ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อกำจัดวัชพืชออกไป
เมื่อตากดินไว้ 1 สัปดาห์แล้วให้ใส่ปุ๋ย 1 ส่วน ผสมกับดินให้เข้ากัน แล้วนำใส่ก้นหลุม จากนั้นนำพืชผักที่เตรียมไว้มาปลูกลงบนดินที่ผสมไว้ และกดให้แน่น รวมถึงหาหญ้าแห้ง หรือแกลบมาคลุมดินไว้ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดิน แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
ทั้งนี้ หากคุณกำลังมองหาหลังคาคุณภาพดี ที่ช่วยปกป้องแปลงปลูกผักของคุณ จากสภาพอากาศที่แปรปรวน D-Lite ขอแนะนำหลังคาโพลีคาร์บอเนตคุณภาพสูง ที่มีความแข็งแรง ทนทาน โปร่งแสง และกันรังสี UV ได้ดี หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ Line: @kansaddlite หรือโทร 085-155-6532, 02-312-4949

แจกคู่มือ เลือกหลังคาโพลีคาร์บอเนต ให้พืชเจริญเติบโตได้ดี
หลังจากที่ทำความเข้าใจ เกี่ยวกับหลักการปลูกพืชผักสวนครัวให้เจริญเติบโตกันไปแล้ว จะเห็นได้ว่าพืชผักแต่ละชนิด ล้วนต้องการแสงแดดตลอดทั้งวัน แต่หากเจ้าของบ้านรู้สึกว่าบรรยากาศภายนอกบ้านจะร้อนจนเกินไป แนะนำให้ติดตั้งหลังคาโพลีคาร์บอเนต เพื่อให้ผักแต่ละชนิดเจริญเติบโตได้ดี และช่วยให้สมาชิกในบ้านรู้สึกเย็นสบาย ซึ่งวิธีการเลือกแผ่นโพลีคาร์บอเนต มีดังนี้
- วัสดุต้องป้องกันรังสี UV ได้ดี
จุดเด่นของวัสดุโพลีคาร์บอเนต คือ ความสามารถในการสะท้อนรังสี UV ได้มากถึง 99% ทำให้พื้นที่ใต้หลังคายังคงได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ แต่ไม่ร้อนจนเกินไป ส่งผลให้พืชผักในแปลง สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ โดยที่เจ้าของบ้านยังออกมานั่งเล่น หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายนอกบ้าน โดยไม่รู้สึกร้อน หรือแสบผิว
- แข็งแรง ทนทานกับทุกสภาพอากาศ
แผ่นโพลีคาร์บอเนต เป็นหลังคาที่มีความแข็งแรงกว่ากระจกถึง 250 เท่า และทนต่อแรงกระแทกจากลูกเห็บ หรือกิ่งไม้ที่ตกลงมาได้ดี นอกจากนี้ ยังทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น ฝนตกหนัก หรือพายุลมแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยปกป้องพืชผักในแปลงให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรง และไม่โอนเอน แม้ต้องเผชิญกับพายุฝน หรือลมแรงจัด
- น้ำหนักเบา และติดตั้งได้ง่าย
แผ่นโพลีคาร์บอเนต ถือเป็นวัสดุมุงหลังคาที่มีน้ำหนักเบา มากกว่ากระจก และเหล็ก ทำให้ติดตั้งได้ง่าย และรวดเร็ว ช่วยลดภาระของโครงสร้างอาคาร รวมไปถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง และการบำรุงรักษา เหมาะกับบ้านยุคใหม่อย่างยิ่ง
- รองรับการออกแบบที่หลากหลาย
อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจของแผ่นโพลีคาร์บอเนต คือ ความสามารถในการดัดโค้ง หรือขึ้นรูปได้อิสระ ทำให้สามารถออกแบบหลังคาให้มีรูปทรงที่แตกต่างกัน เช่น หลังคาทรงโค้ง หรือหลังคาลาดเอียง ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของบ้าน สามารถออกแบบพื้นที่บริเวณแปลงปลูกผักได้ตามความต้องการ
PolySky หลังคาโพลีคาร์บอเนตคุณภาพดี เติมเต็มสวนผักให้โมเดิร์นยิ่งขึ้น
หลังคาดีไลท์โพลีสกาย เป็นหลังคาโพลีคาร์บอเนตสูง และโปร่งใสคล้ายกับกระจก โดยแผ่นหลังคามีความหนา 3 มม. ทำให้ไม่เปราะ และแตกหักได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นหลังคาที่มีน้ำหนักเบา จึงเหมาะกับการติดตั้งทั้งบ้านเดี่ยว หรือบ้านทาวน์โฮมที่มีพื้นที่จำกัด
โดยหลังคา PolySky ยังมีจุดเด่นที่การเคลือบ UV ทั้ง 2 ด้าน ทำให้สามารถป้องกันแสงแดด และรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมกับระบบการติดตั้ง Standing Seam ทำให้ไม่ต้องเจาะสกรูบนแผ่น ช่วยให้แผ่นขยายตัวได้ หมดปัญหารั่วซึมอย่างแท้จริง หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อได้ที่ Line: @kansaddlite หรือโทร 085-155-6532, 02-312-4949

